วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2554

คำถามท้ายหน่วยการเรียนที่ 7





ประเภทของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ

1. เครือข่ายท้องถิ่น (Local Area Network หรือ LAN)

เป็นเครือข่ายระยะใกล้ ใช้กันอยู่ในบริเวณไม่กว้างนัก อาจอยู่ในองค์กรเดียวกัน หรืออาคารที่ใกล้กัน เช่น ภาพในสำนักงาน ภายในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย ระบบเครือข่ายท้องถิ่นจะช่วยให้ติดต่อกันได้สะดวก ช่วยลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ



2. เครือข่ายระดับเมือง (Metropolitan Area Network หรือ MAN)

เป็นเครือข่ายขนาดกลาง ใช้ภายในเมือง หรือจังหวัดที่ใกล้เคียงกัน เช่น ระบบเคเบิลทีวีที่มีสมาชิกตามบ้านทั่วไปที่เราดูกันอยู่ทุกวันก็จัดเป็นระบบเครือข่ายแบบ MAN



3. เครือข่ายระดับประเทศ (Wide Area Network หรือ WAN)

เป็นระบบเครือข่ายขนาดใหญ่ ใช้ติดตั้งบริเวณกว้าง มีสถานนีหรือจุดเชื่อมต่อมากมาย มากกว่า 1 แสนจุด ใช้สื่อกลางหลายชนิด เช่น ระบบคลื่นวิทยุ ไมโครเวฟ หรือดาวเทียม


                                               
อินทราเน็ต คืออะไร

Intranet

         

Intranet เป็นการติดต่อสื่อสารภายในหน่วยงาน Intranet มีพื้นฐานมาจากการใช้งานด้านการทหาร และการศึกษา โดยทางภาคธุรกิจและผู้บริโภคทั่วไปได้นำมาใช้จนแพร่หลาย และเป็นที่นิยมในเวลาต่อมา คาดว่าทางภาคธุรกิจจะมีการใช้ Internet มากขึ้น 2 ส่วน คือ

1. การซื้อขายสินค้าและบริการผ่าน internet มีการยอมรับการชำระเงินแบบ อิเล็กทรอนิก

2. การสร้างระบบเครือข่ายส่วนตัวภายในองค์กร หรือที่เรียกว่า Intranet มากขึ้น โดยจะถูกนำมาใช้แทนระบบ LAN ซึ่ง Intranet จะกลายเป็นแหล่งประมวลผลข้อมูลหลักขององค์กรในอนาคต

การทำการตลาดและขายสินค้า โดยใช้ internet ผู้บริโภคสามารถสั่งสินค้า ในขณะที่อยู่ที่บ้านหรือที่ทำงานได้แทนที่จะต้องเดินทางไปที่ร้านค้า โดยผู้บริโภคสามารถดูรายการสินค้าต่างๆ แล้วสั่งซื้อทาง internet

อย่างไรก็ตามลักษณะของ Intranet ยังเป็นเครือข่ายที่มีไม่ค่อยปลอดภัยนัก เพราะขณะที่แพ็กเก็ตข้อมูลถูกส่งออกไปนั้น อาจมีคนดักเอาแพ็กเก็ตไปดูได้ ฉะนั้นการทำธุรกิจแบบออนไลน์ ถ้าจ่ายเงินด้วยบัตรเครดิตผ่าน internet อาจมีคนคอยดักข้อมูล และนำเอาหมายเลขบัตรเครดิต และข้อมูลเฉพาะอื่นๆ เพื่อไปใช้ในทางมิชอบได้ จึงมีความเสี่ยงในเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลอยู่บ้าง

ดังนั้น จึงมีการคิดค้นวิธีชำระผ่าน Intranet ให้ปลอดภัยมากขึ้นหลายวิธี แต่ที่นิยมใช้คือ การใช้ Secure electronic transaction protocol (SET) เป็นชุดกระบวนการของโปรโตคอล ซึ่งออกแบบสำหรับการชำระเงินผ่านทาง internet ให้มีความปลอกภัยมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ระบบ SET จะใช้ เทคโนโลยีการเข้ารหัส (encryption) เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครสามารถขโมยหมายเลขบัตรเครดิตของคุณได้ ซึ่งจะมีแต่ผู้ส่งและผู้รับเท่านั้นที่จะสามารถถอดรหัสเหล่านี้ได้ บริษัทเครดิตรายใหญ่ เช่น VISA , Master Card และ American Express ต่างสนับสนุน ขณะที่ SET เป็นวิธีมาตรฐานที่ใช้ในการป้องกันข้อมูลของบัตรเครดิตที่ส่งไปบน internet
ประโยชน์จาก  Intranet
          

องค์กรต่างๆ ได้ติดตั้งระบบ Intranet ด้วยจุดประสงค์ต่างๆ กัน เช่น อาจใช้เพื่อการส่ง E-mail การระดมความคิดภายในองค์กร การจัดตารางนัดหมาย และการดึงข้อมูลจากฐานข้อมูล เป็นต้น Intranet ใช้เครือข่ายและเทคโนโลยี TCP/IP และเครื่องมือตลอดจนการบริการต่างของ internet เช่น world wide web , e-mail, telnet และ FTP แต่เครือข่ายและการบริการเหล่านี้จะใช้ได้เฉพาะภายในองค์กรเท่านั้น Intranet ถูกแยกออกจากระบบ internet ด้วย Firewall ซึ่งเป็นส่วนผสมระหว่าง Hardware กับ software สำหรับป้องกันไม่ให้ผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาติข้าสู่ระบบ Intranet ได้ พนังงานที่ทำงานในบริษัทสามารถเข้าใช้งาน Intranet ได้และใช้บริการต่างๆ ได้ แต่ผู้บุกรุกจะถูกกันออกไปโดย Firewall

ส่วนประกอบที่สำคัญของ Intranet คือ e-mail ซึ่งจะมีการทำงานเหมือน e-mail ของ internet โดยที่มันจะใช้โปรแกรม e-mail client เหมือนปกติ เพียงแต่มันจะถูกออกแบบมาเพื่อส่งข้อมูลภายในองค์กรเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องส่ง e-mail ออกไปข้างนอก เราท์เตอร์ และ mail server ภายในจะเป็นตัวช่วยส่ง e-mail ไปยังพนักงานคนอื่นๆ ขององค์กรผ่านทาง Intranet ส่วน e-mail ที่ส่งกลับไปมาระหว่าง internet กับ Intranet นั้นจะต้องผ่าน Firewall เพื่อตรวจสอบเสียก่อน

ฐานข้อมูลขององค์กรที่เก็บข้อมูลที่สำคัญๆ จะถูกเตรียมไว้เพื่อเรียกใช้จาก Intranet โดยผ่านทาง WEB ในรูปแบบเอกสาร HTML และโดยการใช้เครื่องมือในการสืบค้นต่างๆ โดยทั่วไปแล้วการสืบค้นข้อมูลจะต้องมีการสร้างชุดคำสั่งที่เรียกว่า CGI script หรือโปรแกรมในภาษา Java ขึ้นมาก่อน ซึ่งฐานข้อมูลเหล่านี้จะใช้ได้เฉพาะพนักงานภายในองค์กรเท่านั้น และ Intranet ทั้งหมดจะถูกป้องกันโดย Firewall อีกที่หนึ่ง

Intranet จะทำให้คนสามารถทำงานร่วมกันทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยใช้ Group ware ซึ่งจะทำให้สามารถระดมความคิดจากหลายๆ คนได้ นอกจากนี้ยังสามารถทำตารางนัดหมายประชุม การวางแผนร่วมกันสร้างฐานข้อมูล ฯลฯ Intranet จะช่วยให้การทำงานที่ต้องการความร่วมมือ จากบริษัทอื่นทำได้ง่ายขึ้น เช่น การทำงานร่วมกับผู้รับเหมาช่วง เป็นต้น



Extranet

Extranet เป็นอีกเทคโนโลยีหนึ่งที่นำเข้ามาใช้งานในด้านการบริหารจัดการของธุรกิจการค้า เช่น

ด้านผู้สั่งซื้อสินค้า ช่วยให้ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้า จากบริษัทผู้ขายได้ทันที นอกจากนั้น ลูกค้ายังสามารถตรวจสอบได้ด้วยว่า บริษัทผู้ขายมีสินค้าที่เขาต้องการอยู่ ในสต็อกหรือไม่ และผู้ขายพร้อมที่จะส่งสินค้านั้นให้ผู้สั่งซื้อภายในระยะเวลาเท่าไร

ทางด้านผู้ขาย ก็สามารถตรวจสอบได้ตลอดเวลาว่าลูกค้ารายไหนสั่งสินค้าอะไรเข้ามาบ้าง สินค้าเหลืออยู่ในสต็อกเท่าไหร่ ลูกค้ารายไหนชำระเงินแล้ว หรือลูกค้ารายใดที่มีปัญหาในการชำระเงิน ซึ่งทั้งหมดจะช่วยทำให้การบริหารสินค้าคงคลัง กระแสเงินสด ตลอดจนการบริหารวัตถุดิบมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้บริษัทลดต้นทุนต่างๆ ลงไปได้เป็นจำนวนมาก
Slide 11/70
ประโยชน์ที่ได้รับ
          

ประโยชน์ที่สำคัญคือ ในการนำ Extranet เข้ามาใช้งานทางด้านการค้า คือ การซื้อขายสินค้า การผลิตสินค้าเพิ่มเติม หรือการสั่งซื้อสินค้า เพื่อนำมาจำหน่ายเพิ่มเติม กำหนดการชำระเงินของลูกค้าถูกควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งเมื่อถูกเตรียมไว้แล้ว จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้น ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องรู้หน้าที่ของตนเป็นอย่างดี ขณะเดียวกันผู้บริหารขององค์กรจะสามารถตรวจสอบได้ทันทีว่าปัญหาเกิดจากจุดไหน ใครเป็นผู้รับผิดชอบ

ปกติการนำ Extranet เข้ามาใช้มักจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับเงินๆ ทองๆ หรือเรื่องของความลับทางการค้าต่างๆ ถ้าระบบรักษาความปลอดภัยไม่ดีพอแล้ว ความเสียหายที่เกิดขึ้นอาจจะรุนแรงมาก

แนวโน้มของการใช้งาน Extranet ในประเทศไทยยังต้องใช้ระยะเวลา และมีปัญหาหลายอย่างที่ต้องแก้ไขให้ได้เสียก่อน ตัวอย่างคือ ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจที่เผชิญอยู่ทำให้งบลงทุนขององค์กรถูกถอดออกไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งเป็นอุปสรรคที่สำคัญในการประกอบธุรกิจการค้า นอกจากนี้ ผู้ประกอบการธุรกิจหลายๆ องค์กรมักเคยชินกับการชำระค่าสินค้าและบริการล่าช้ากว่าที่มีการตกลงกันไว้ ถ้านำระบบ Extranet มาใช้งาน คู่ค้าทั้ง 2 ฝ่ายต้องทำตามข้อตกลงที่มีต่อกันอย่างเข้มงวด เพราะระบบคอมพิวเตอร์ไม่รับรู้ว่าคุณมีปัญหาอะไร แต่จะฟ้องขึ้นมาทันที ซึ่งทำให้เสียความน่าเชื่อถือไปได้ เป็นต้น
ธุรกิจแบบไหนควรใช้ EXtranet
           

intranet เกี่ยวพันกับเรื่องราวของการสื่อสารภายในองค์กร และการนำข้อมูลต่างๆ ที่มีอยู่มาใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขายและการบริการแก่ลูกค้า เรื่องของ Extranet กลับเป็นเรื่องระหว่างองค์กรกับองค์กร หรือหน่วยงานกับหน่วยงาน

อย่างไรก็ตาม การใช้ Extranet ในประเทศไทยยังคงอยู่ในระหว่างช่วงเวลาของการเริ่มต้น และลองผิดลองถูกกันอยู่ การนำมาใช้งานกันอย่างแพร่หลายคงไม่เกิดขึ้นเร็วมากนัก คาดว่าในแวดวงของธุรกิจจะใช้ Extranet มากกว่าในด้านอื่นๆ องค์กรที่มีการใช้ Intranet อยู่แล้ว มีแนวโน้มการนำ Extranet มาใช้เพิ่มเติมในอนาคต

ตราบใดที่ยังต้องมีการแข่งขันด้านธุรกิจทั้งภายในและต่างประเทศ หน่วยงานต่างๆ ต้องตื่นตัวกับการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการจัดการที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้นคู่ค้าของบริษัทต่างๆ ต่างหันมาใช้ Extranet มาใช้ในงานซึ่งเป็นวิธีการหนึ่ง ในการติดต่อซื้อขายกันมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าหากเราไม่มีเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการติดต่อค้าขายกับลูกค้าเหล่านั้น เราอาจเสียลูกค้าไปด้วยเหตุผลที่เราคาดไม่ถึงก็ได้
สี่เหลี่ยมมน:   ลักษณะการค้นหาข้อมูลของ Search Engine




โดยทั่วไป Search Engine แบ่งลักษณะรูปแบบการค้นหา เป็น 3 ลักษณะ คือ

1. การค้นแบบนามานุกรม (Directory) หมายถึงการแจ้งแหล่งที่ตั้ง ซึ่งบรรจุเนื้อหาหรือเว็บไซต์ต่างๆ ไว้เป็นหมวดหมู่หรือกลุ่มใหญ่ ๆ และแต่ละกลุ่มจะแบ่งเป็นเรื่องย่อยๆ ต่อไปเรื่อยๆ เหมือนกับหลักการจัดหมวดหมู่หนังสือในห้องสมุด ซึ่งการจัดทำแบบนามานุกรมนี้มีข้อดีคือ ช่วยให้ผู้ใช้ได้ข้อมูลที่ตรงกับความต้องการ เนื่องจากนำข้อมูลมาจัดหมวดหมู่ไว้อย่างเป็นระบบ และสามารถกำหนดค้นได้ง่ายในหัวข้อโดยเลือกจากรายการที่ทำไว้แล้ว

เว็บไซต์ที่มีการจัดเรียงข้อมูลไว้แบบนามานุกรม เช่น www.yahoo.com , www.lycos.com

www.sanook.com, www.siamguru.com เป็นต้น

ตัวอย่าง การค้นแบบนามานุกรม ของ www.sanook.com













รายการกลุ่มเรื่องแบ่งออกเป็น

หมวดหมู่ใหญ่ 14 หมวดหมู่

เช่น กีฬา ท่องเที่ยว อินเทอร์เน็ต ฯลฯ















การแบ่งกลุ่มเรื่องย่อยๆ
ของแต่ละกลุ่มและแบ่งย่อย
ลงเรื่อยๆจนกระทั่งระบุ
เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง









2. การค้นหาแบบดรรชนี (Index) หรือคำสำคัญ (Keywords)

เป็นการค้นหาข้อมูลในลักษณะคำหรือวลี ข้อความต่างๆ ที่อาจจะเป็นคำสำคัญ (Keyword) ในการค้นหาลักษณะนี้ตัวโปรแกรมหรือเว็บไซต์จะมีเครื่องมือช่วยในการทำดรรชนีค้นที่เรียกว่า Spider หรือ Robot หรือ Crawler ทำหน้าที่เช็คตามหน้าเว็บต่างๆ ของเว็บไซต์ที่มีการเปิดดูอยู่ แล้วนำคำที่ค้นมาจัดทำเป็นดรรชนีค้นหาโดยอัตโนมัติ ซึ่งการค้นแบบนี้จะสามารถค้นหาเว็บเพจใหม่ๆและทันสมัยมากกว่าการค้นแบบนามานุกรม แต่ทั้งนี้การสืบค้นแบบนี้จะต้องมีเทคนิควิธีการค้นเฉพาะด้านด้วย เช่น การใช้ตรรกบูลีน (Boolean Logic) หรือโอเปอเรเตอร์ (Operator) เป็นต้น โดยวิธีการเช่นนี้จะมีความรวดเร็วมาก แต่มีความละเอียดในการจัดแยกหมวดหมู่ของข้อมูลค่อนข้างน้อย เนื่องจากไม่ได้คำนึงถึงรายละเอียดของเนื้อหาเท่าที่ควร





ตัวอย่าง การค้นหาแบบดรรชนี โดยใช้คำสำคัญ

1. ระบุคำ เรื่องที่ต้องการค้นในเว็บไซต์ที่เป็น search engine เช่น ดาวอังคาร

ลงในช่องสืบค้น

2. จะปรากฏจำนวนรายการข้อมูลที่ค้นพบ และโยงไปยังแหล่งข้อมูลที่ต้องการ






































3. การค้นหาแบบ Metasearch Engines จุดเด่นของการค้นหาด้วยวิธีการนี้ คือ สามารถเชื่อมโยงไปยัง Search Engine ประเภทอื่นๆ และยังมีความหลากหลายของข้อมูล แต่การค้นหาด้วยวิธีนี้มีจุดด้อย คือ วิธีการนี้จะไม่ให้ความสำคัญกับขนาดเล็กใหญ่ของตัวอักษร และมักจะผ่านเลยคำประเภท Natural Language (ภาษาพูด) ดังนั้น หากจะใช้ Search Engine แบบนี้ละก็ ขอให้ตระหนักถึงข้อบกพร่องเหล่านี้ด้วย


สี่เหลี่ยมมน: เว็บไซต์ Search Engine ยอดนิยม


ปัจจุบันมีเว็บไซต์ที่เป็นเครื่องมือช่วยค้นเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นในลักษณะ นามานุกรม และแบบดรรชนี ซึ่งแต่ละเว็บไซต์ก็มีข้อดีแตกต่างกันไป ในที่นี้ขอยกตัวอย่างเว็บไซต์ระดับแนวหน้าของไทยและต่างประเทศ

Yahoo http://www.yahoo.com

Yahoo (อ่านว่า ยา-ฮู) เป็น Search Engine ที่เก่าแก่และเรียกว่ามีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดตัวหนึ่งในอาณาจักรอินเทอร์เน็ต จุดเด่นหลักของเว็บไซต์นี้คงมาจากความสามารถในการค้นหาข้อมูลที่ทำได้อย่างรวดเร็ว จุดหนึ่งที่ทำให้ Yahoo โดดเด่นเป็นพิเศษก็คือการแบ่งเว็บไซต์ที่เก็บในฐานข้อมูลออกเป็นหมวดหมู่และยังมีการโยงใยระหว่างกลุ่มย่อยแต่ละกลุ่มเข้าด้วยกันอย่างเป็นระบบ

AltaVista

http://www.altavist.com

AltaVista เป็น Search Engine ที่มี

คุณสมบัติการค้นหาด้วยความเร็วปาน

สายฟ้าแลบและตรงกับความต้องการ

ของผู้ใช้อย่างมาก สามารถสั่งให้ค้นหา

แบบคำสำคัญหรือคีย์เวิร์ดได้อย่างชัดเจน

อีกทั้งในการใช้ตรรกบูลีน

(OR, AND, NOT) จะดีมาก








Go

http://www. go.com

เป็น Search Engine ที่มีฐานข้อมูลขนาดใหญ่และยังรวมถึงฐานข้อมูลของรายชื่ออีเมล์และนิวส์กรุ๊ปได้ เป็น Search Engine ที่เป็นแบบ นามานุกรมที่มีความเร็วในการค้นหา อีกทั้งหน้าตาเว็บยังสวยงาม และมีลูกเล่นด้วย





Shareware

http://www.shareware.com

เป็น Search Engine เฉพาะด้านซึ่งจะเก็บ

รวบรวมรายชื่อโปรแกรมทั้งฟรีแวร์ (Freeware)

(โปรแกรมแจกฟรี) แชร์แวร์ (Shareware)

(โปรแกรมใช่ก่อน ถูกใจจ่ายเงินทีหลัง) และ

โปรแกรมอัพเกรดต่าง ๆ มาทำเป็นฐานข้อมูลไว้

ดังนั้นถ้าคุณต้องการหาโปรแกรมแชร์แวร์มาใช้

สามารถใช้เว็บไซต์นี้ค้นหาตำแหน่งได้อย่างดีเยี่ยม

Siamguru

http://www.siamguru.com

Basic Search คือ เครื่องมือในการค้นหา

เว็บไซต์ ทำหน้าที่ในการให้บริการค้นหา

ข้อมูลโดยเน้นเรื่องความสามารถ

ในการค้นหาข้อมูลภาษาไทยบน
อินเทอร์เน็ต มีความสามารถเทียบ

เท่า search engineชื่อดังจากต่างประเทศ







Sanook

http://www.sanook.com

เป็นเว็บไซต์ชื่อดังของไทยที่เป็นแหล่งค้นหา

ข้อมูลของไทยที่มีข้อมูลให้ค้นหามากมายทั้ง

ของไทยและทั่วโลกซึ่งมีทั้งแบบนามานุกรม

และคำค้น ซึ่งจะบอกที่อยู่ของเว็บไซต์และ

มีคำอธิบายเว็บที่หาอย่างเข้าใจง่าย และยังสามารถ

ส่งเว็บไซต์นี้ให้เพื่อนๆ ทางอีเมล์ด้วย




Thaiseek

http://www.thaiseek.com

เป็นเว็บไซต์ Search Engine ที่มีคุณสมบัติของการค้นหาได้อย่างยอดเยี่ยมเว็บหนึ่งของไทย ซึ่งสามารถค้นหาได้แบบนามานุกรม และคำสืบค้น ซึ่งผลการสืบค้นค่อนข้างชัดเจนตรงกับความต้องการ



Thaifind

http://www.thaifind.com

เป็นเว็บไซต์ที่เป็นแหล่งค้นหาข้อมูล

ที่ดีอีกเว็บหนึ่งของเมืองไทย โดยมี

การจัดจัดอันดับคำสำคัญในการค้นหา

ไว้อย่างเป็นระเบียบ และผลการค้น

เป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง



































Google

www.google.com

Google เป็นเว็บไซต์ฐานข้อมูลที่ใหญ่มากแห่งหนึ่งของโลก ในอดีตเป็นบริษัทที่ดำเนินการด้านฐานข้อมูลเพื่อให้บริการแก่เว็บไซต์ค้นหาอื่นๆ ปัจจุบันได้เปิดเว็บไซต์ค้นหาเอง มีฐานข้อมูลมากกว่าสามพันล้านเว็บไซต์และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกวัน จุดเด่นที่เหนือกว่าผู้ให้บริการรายอื่นๆ คือเป็นเว็บไซต์ค้นหาที่สนับสนุนภาษาต่างๆ มากกว่า 80 ภาษาทั่วโลก

(รวมทั้งภาษาไทย) และมีเครื่องเซิร์ฟเวอร์ให้บริการในส่วนต่างๆ ของโลกมากถึง 36 ประเทศ รวมทั้งในประเทศไทย ซึ่งบริการค้นหาของ Google จะแยกฐานข้อมูลออกเป็น 4 หมวด และแต่ละหมวดมีการค้นหาแบบพิเศษเพิ่มเติมด้วย คือ

- เว็บ : เป็นการค้นหาข้อมูลจากเว็บไซต์ต่างๆ ทั่วโลก

- รูปภาพ : เป็นการค้นหารูปภาพหลากหลายฟอร์แมตจากเว็บไซต์ต่างๆ

- กลุ่มข่าว : เป็นการค้นหาเรื่องราวที่น่าสนใจจากกลุ่มข่าวต่างๆ

- สารบบเว็บ : การค้นหาข้อมูลจากเว็บไซต์ที่แยกออกเป็นหมวดหมู่

  

ในการค้นหาข้อมูลในเครือข่ายอินเทอร์เน็ตนั้นเราสามารถสืบค้นข้อมูลได้ ในที่นี้ขอยก ตัวอย่าง Search Engine เว็บไซต์ที่น่าสนใจต่างๆ ซึ่งมีรูปแบบการสืบค้นทั้งแบบนามานุกรมและแบบดรรชนีสืบค้น โดยมีขั้นตอนการปฏิบัติ ดังนี้

1. เข้าไปยังเว็บไซต์ www.google.com โดยพิมพ์ URL ที่ช่อง Address

2. พิมพ์คำสำคัญหรือวลีที่ต้องการค้นหาลงในช่อง ค้นหา ซึ่งบริการค้นหาของ Google จะแยกฐานข้อมูลออกเป็น 4 หมวด (ในแต่ละหมวดมีการค้นหาแบบพิเศษเพิ่มเติมด้วย) คือ

- เว็บ : เป็นการค้นหาข้อมูลจากเว็บไซต์ต่างๆ ทั่วโลก

- รูปภาพ : เป็นการค้นหารูปภาพหลากหลายฟอร์แมตจากเว็บไซต์ต่างๆ

- กลุ่มข่าว : เป็นการค้นหาเรื่องราวที่น่าสนใจจากกลุ่มข่าวต่างๆ

- สารบบเว็บ : การค้นหาข้อมูลจากเว็บไซต์ที่แยกออกเป็นหมวดหมู่

























3. จะปรากฏหน้าเว็บที่มีรายการเว็บไซต์ที่สอดคล้องกับคำที่ต้องการค้นหา พร้อม รายละเอียดของเว็บไซต์ที่พบ เช่น แจ้งรายการที่ค้นได้ ชื่อเรื่อง และ URL 


















































4. คลิกที่ชื่อเรื่อง เพื่อเข้าไปยังเว็บไซต์ที่มีข้อมูลตามต้องการ






Digital Library คืออะไร 
Digital Library คือ ห้องสมุดดิจิตัล เป็นการนำเทคโนโลยีหลาย ๆ รูปแบบทั้งสิ่งพิมพ์และข้อมูลดิจิทัลมาประสมประสานในการจัดการกับทรัพยากรสารสนเทศ โดยจัดเก็บให้อยู่ในรูปของข้อมูลดิจิทัล  เช่น ความจำอิเล็กทรอนิกส์ หรือ จานแม่เหล็ก หรือ จานออปติคัล ฯลฯ  และมีการเชื่อมโยงกันด้วยระบบเครือข่ายผ่านเส้นใยแก้วนำแสง(Fiber Optic) หรือผ่านดาวเทียมเพื่อให้ผู้ใช้จากทั่วโลกสามารถเข้าถึงสารสนเทศเหล่านี้ได้
ทั้งนี้เนื้อหาของสารสนเทศดิจิตัลแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ เรื่องราวที่สร้างมาและอยู่ในรูปแบบที่เครื่องคอมพิวเตอร์อ่านได้ประเภทหนึ่งและเนื้อหาในวัสดุที่เปลี่ยนจากรูปแบบดั้งเดิม (เช่น หนังสือ จุลสาร รูปภาพ ภาพยนตร์ และเสียง ที่บันทึกไว้) เป็นวัสดุดิจิตัล
10 เว็บไซต์ยอดนิยม
               ในการศึกษาโลก


สวัสดีน้องๆชาว EZ ทุกคนครับ วันนี้พี่ต้นซุงขอนำเสนอแหล่งข้อมูลทางการศึกษาที่ชาว EZ ทุกคน สามารถเข้าถึงได้ง่ายเช่นเดียวกับเพื่อนๆนักเรียนทั่วโลกครับ มีเว็บไซต์ทางการศึกษาอยู่มากมายในโลก ที่ให้สาระประโยชน์ ความรู้ ข่าวการศึกษา แหล่งทุนการศึกษา และวัฒนธรรมนักเรียนทั้งในระดับมหาวิทยาลัยและมัธยม ซึ่งนอกจากเราจะได้ประโยชน์จากเว็บไซต์เหล่านี้ในการรู้เท่าทันโลกแล้ว ยังเป็นการเรียนรู้วัฒนธรรม ชีวิตความเป็นอยู่ของเพื่อนๆวัยเรียนในต่างประเทศ และอีกทั้งยังเป็นการฝึกภาษาอีกทางหนึ่งด้วยครับ ไปดูกันดีกว่าว่าเว็บไซต์การศึกษาที่น่าสนใจมีที่ไหนบ้าง

                                                            1. BBC






เว็บไซต์สำนักข่าว BBC ของอังกฤษ เป็นเว็บไซต์ยอดนิยมทางการศึกษาของนักเรียนทั่วโลกครับ รวมถึงในประเทศไทยด้วย ซึ่งมีเนื้อหาที่หลากหลายของข่าว ทั้งเทคโนโลยี เศรษฐกิจ การเมือง ประกอบกับไฟล์วีดีโอข่าว รวมถึงเอกลักษณ์ที่น่าสนใจในการเป็นเว็บไซต์สอนภาษาอังกฤษที่สำคัญของนักเรียนทั่วโลก จากแบบฝึกหัด มุมบทความ และสามารถดาวน์โหลดไปฝึกกันได้ฟรีๆเลยทีเดียว ที่นี่ครับ www.bbc.co.uk


                                                    2. U.S.News





U.S. News เป็นเว็บไซต์สำนักข่าวอเมริกา  เว็บไซต์มีชื่อเสียงมากในเรื่องการจัดอันดับมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการทั่วโลกนำผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยของ U.S. News ไปใช้ในวงการศึกษา เช่นเดียวกับในประเทศไทยซึ่งมีอิทธิพลมากในการตัดสินใจเลือกเรียนมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาของนักเรียนไทย นอกจากนี้ยังมีบทความชีวิตนักเรียนและมหาวิทยาลัยต่างๆภายในสหรัฐอเมริกาที่น่าสนใจอีกเป็นจำนวนมาก ที่นี่ครับ www.usnews.com


                                                    3. Telegraph







Telegraph เป็นอีกหนึ่งเว็บไซต์สัญชาติอังกฤษที่มีอิทธิพลในวงการศึกษาทั่วโลก อันเนื่องจากมีการนำเสนอเนื้อหาข่าวที่กระชับ รวดเร็ว รูปภาพที่สีสันสวยงามของตากล้องมืออาชีพ และมีการจัดอันดับมหาวิทยาลัยและอันดับทางการศึกษา คนดังกับการศึกษา และหลักสูตรทางการศึกษาเด่นๆ อยู่เป็นประจำ ติดตามได้ที่นี่ครับwww.telegraph.co.uk 


                      4. THE - Time Higher Education







THE เว็บไซต์จัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกจากประเทศอังกฤษชื่อดัง ซึ่งมีข่าวการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยมากมาย ไม่มากก็น้อยชาว EZ จะเคยเข้าไปเยี่ยมเยือนเว็บ www.timeshighereducation.co.uk นี้แน่นอน


                               5. Top Universities by QS







เว็บจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกสำนักอังกฤษอีกที่โดยมีชื่อเสียงไม่แพ้กันกับ THE ซึ่งจัดทำขึ้นโดยบริษัท QS (หรือที่ใครหลายๆคนเรียกชื่อกันติดปากว่า เว็บจัดอันดับ คิวเอส) ซึ่งมีชื่อเต็มๆว่า Quacquarelli Symonds ภายในเว็บมีข่าวการศึกษาใหม่ๆตลอดเวลาเช่นกัน ติดตามได้ที่นี่ครับ www.topuniversities.com 


                                  6. The Washington Post






สำนักข่าว TWP หรือ The Washington Post เป็นอีกเว็บไซต์ของสำนักข่าวสัญชาติอเมริกัน ที่มีพัฒนาการมาจากหนังสือพิมพ์และเข้าสู่โลกออนไลน์ รวมไปถึงการเชื่อมต่อกับ Facebook โดยการออนไลน์บทความใหม่ๆทุกวันอีกด้วยครับ สำหรับข่าวการศึกษาใน TWP มีนักเขียนบทความที่เขียนข่าวการศึกษาได้น่าสนใจและถึงลูกถึงคนหลายท่านทีเดียว ชาว EZ ตามไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ www.washingtonpost.com 


                                    7. The New York Times





The New York Times เป็นเว็บไซต์ข่าวสัญชาติอเมริกันที่พัฒนามาจากหนังสือพิมพ์ข่าวในสหรัฐอเมริกาครับ ภายในเว็บไซต์มีบทความการศึกษาแนะนำทุกวัน รวมถึงวัฒนธรรมนักเรียน นักศึกษาในสหรัฐอเมริกา บทความเกี่ยวกับการจ้างงานบัณฑิต และข่าวของมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา รวมถึงข่าววิเคราะห์ของคอลัมนิสต์ดังๆหลายท่าน อีกทั้งยังมี Apps ผ่าน สมาร์ทโฟนและ Ipad อีกด้วย แต่ถ้าหวังที่จะอ่านข่าวเป็นระยะยาวคงต้องเสียตังค์กันหน่อยครับ เพราะเขาจะให้นักอ่านเสียค่าธรรมเนียมเล็กน้อยในการอ่านบทความครั้งที่ 20 ขึ้นไปครับ ติดตามอ่านได้ที่นี่ครับ www.nytimes.com 


                                               8. eSchool News







ถ้าน้องนักเรียนคนไหนกำลังมองหาโรงเรียนที่น่าสนใจ ทุนการศึกษา ข่าวการศึกษารอบโลก บทความทางการศึกษา การเข้าไปกดค้นหาใน eSchool News ดูจะเป็นเรื่องง่ายทีเดียวครับ เพราะเป็นแหล่งข้อมูลชั้นดีทางการศึกษาของนักเรียนตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงระดับมหาวิทยาลัยทีเดียว เข้าไปกดดูได้ที่นี่ครับ www.eschoolnews.com 

                                    9. Education-Portal.com







แหล่งข้อมูลการศึกษาระดับโลกอีกที่หนึ่งที่พี่ต้นซุงเข้าไปกดหาหลักสูตรการเรียนที่น่าสนใจใน education-portal.com ต้องบอกว่ามีข้อมูลหลักสูตรทั้งระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอกที่เยอะมาก รวมถึงการจัดอันดับมหาวิทยาลัยที่น่าสนใจ และแหล่งทุนการศึกษาจำนวนมาก การแนะแนวอาชีพที่น่าสนใจ อีกทั้งยังมีคลิปการ์ตูนเพื่อการเรียนรู้ที่น่าสนใจอีกด้วย หารายละเอียดเพิ่มเติมของหลักสูตรที่น้องๆสนใจได้จากที่นี่ครับ ww.education-portal.com


                                           10. EducationWorld







เว็บไซต์ทางการศึกษาอีกเว็บอย่าง EducationWorld ได้ย่อโลกทางการศึกษามาให้คนทุกคนบนโลกออนไลน์ได้เข้าถึงข่าวการศึกษาจากที่บ้านได้ง่ายๆ ภายในเว็บไซต์ประกอบด้วยชุมชนแลกเปลี่ยนความรู้และเรื่องราวทางการศึกษาจำนวนมาก เป็นแหล่งข้อมูลของอาจารย์และนักเรียนในการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมนอกห้องเรียนได้เป็นอย่างดี ด้วยข้อมูลทางการศึกษาจำนวนมากในเว็บไซต์ทำให้นักอ่านเพลิดเพลินไปกับการท่องโลกแห่งการเรียนได้ดีทีเดียว ที่น่าสนใจคือมีแบบฝึกหัดฝึกทักษะการเรียนรู้ให้กับเด็กระดับอนุบาลจนถึงผู้ใหญ่วัยทำงาน โดยมีคำแนะนำในการพัฒนาเด็ก เยาวชน และการตัดสินใจทางความคิด รวมถึงทรัพยากรทางการศึกษาจำนวนมากที่หาได้